
เกริ่นนำ.
“ไฟนอลแฟนตาซี ภาค 5” อีกหนึ่งตำนานความสนุกสนานที่บันเทิงขั้นสุด.. เนื้อเรื่องถึงแม้จะไม่ได้เน้นดราม่ามาก(แต่ก็มีอยู่นะ) แต่ก็ถูกเติมเต็มด้วยการผจญภัยที่สนุกสนานและระบบอาชีพที่หลากหลายแบบสุดๆ.. เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยของหนุ่ม “บัทซ์” ลูกชายของอัศวินแห่งแสงผู้ล่วงลับ “ดอร์แกน คลอว์เซอร์”.. อุกกาบาตที่สั่นสะเทือนผืนดินนั้น เปลี่ยนชีวิตเค้าไปตลอดกาล…..

บทสรุป.



เริ่มต้นเกม.. พระราชาจะรู้สึกถึงความผิดปกติของสายลม จึงตั้งใจจะแว๊นซ์มังกรคู่ใจไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่ “วิหารคริสตัลแห่งลม”.. ด้วยความเป็นห่วงของ เจ้าหญิงเลนน่า(หรือเรย์น่าบนps1) เธอจึงได้วิ่งออกมาบอกให้เสด็จพ่อระวังตัวด้วย..




ตัดฉากมาที่พระเอกสุดหล่อของเรา “หนุ่มบัทซ์” นักผจญภัยที่กำลังปิ้งมันอยู่ในป่าอย่างเพลิดเพลินกับเจ้า “โบโกะ” โจโคโบะคู่ใจ.. ทันใดนั้นเอง อุกกาบาตมหากาฬขนาดเท่ารัฐเท็กซัส(รู้ได้ไง 😂) ก็ได้พุ่งลงอัดกับพื้นพสุธาจนสะเทือนเลื่อนลั่น จนหัวมันในมือกระฉอก.. “ให้ตายเถอะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!?”.. ให้เราเขวี้ยงมันที่เหลือลงกับพื้น ดับไฟ แล้วกระโดดควบเจ้า “โบโกะ” เพื่อแจ้นไปที่จุดเกิดเหตุทันที.. ออกจากป่าแล้วเดินทางไปทางทิศตะวันออก เราจะได้เจอกับเจ้าอุกกาบาตเจ้าปัญหาแหวกดินเป็นทางยาว ให้เข้าไปสำรวจทันที.. เมื่อจอดเจ้าโบโกะแล้วบัทซ์จะบอกให้เค้ารออยู่ตรงนี้ก่อน เดินต่อมาทางขวา เราจะเจอ “ก็อปลิ่น” สองตัวกำลังช่วยกันอุ้มหญิงสาวคนนึงไปไหนไม่รู้ แต่ไม่น่าไปทำเรื่องดี.. ให้เราจัดการซะ.. หญิงสาวนางนั้นก็คือเจ้าหญิง “เลนน่า” คนงามนั่นเอง เธอขอบคุณบัทซ์ที่ช่วยเธอไว้ แล้วเราจะได้ยินเสียงคนโอดโอยลอยมาเข้าหู ให้เดินไปทางขวาบน จะได้พบกับชายสูงอายุแต่กำยำท่านนึง นอนพะงาบๆอยู่.. ให้เราเข้าไปช่วยเค้า เค้าจะจำอะไรไม่ได้นอกจากชื่อของเค้า “กาลัฟ” นั่นเอง.. เลนน่าบอกว่าเธอกำลังจะไปตามหาพ่อที่วิหารแห่งลม กาลัฟจึงนึกขึ้นมาได้ว่าคุ้นๆจะไปที่นี่แหละ.. กาลัฟจึงขอเดินทางไปกับเลนน่า แต่บัทซ์ขอท่องเที่ยวต่อ.. ก่อนจากกัน สัมผัสได้ถึงความอาลัยและแอบปิ๊งที่เจ้าหญิงเลนน่ามีกับบัทซ์เลยทีเดียว….. ก่อนออกจากที่นี่ อย่าลืมที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ขวาล่าง มีทางให้มุดเข้าไปเก็บกล่องสมบัติได้หนึ่งชิ้น นะจ๊ะ..



ออกจากที่นี่ ควบเจ้าโบโกะมาทางตะวันตกบ้าง เลาะซอกเขาขึ้นไปทางทิศเหนือ.. อยู่ดีๆเจ้าโบโกะจะเบรกจนบัทซ์หัวทิ่ม แล้วมันจะแสดงท่าทางแปลกๆ เราจะได้ยินเสียงกรี๊ดจากเลนน่าและกาลัฟ.. จากนั้นแผ่นดินจะทรุดตัวลง ให้เรารีบแจ้นไปทางเหนืออย่างเร็ว จะพบกับเลนน่าและกาลัฟนอนสลบอยู่ ก็อปลิ่นจะเข้าโจมตีเราอีกครั้ง.. จัดการให้หมด.. บัทซ์จะระวังภัยให้ทุกคนจนฟื้น คุยกันแล้ว ดูทรงแล้ว บัทซ์คิดว่าไปด้วยน่าจะดีกว่า เพราะทางข้างหน้าอันตรายมาก มอนสเตอร์เยอะ ปล่อยสองคนนี้ไปลำพัง ไม่รอดแน่.. เป็นห่วง.. อีกอย่าง อาฟเตอร์ช็อกจากแผ่นดินไหวเมื่อสักครู่ ก็ทำให้ทางที่จะไปเมืองที่ตั้งใจจะไปทีแรกไปไม่ได้ซะแล้ว.. สรุปได้ดังนั้น กลุ่มเอ็กซ์ฟอร์ซของเราจึงได้ก่อตั้งขึ้น มีสมาชิกสามคนตามนั้นแล..


เดินทางขึ้นเหนือมาไม่ไกลจะได้พบกับถ้ำ ซึ่งเป็นทางเดียวที่เราจะทะลุไปยัง “วิหารแห่งลม” ได้.. บัทซ์บอกโบโกะไม่ต้องตามมา เพราะทางข้างหน้าอันตราย อยู่แถวหน้าถ้ำนี้แหละ หาอะไรกินไปก่อน….. เมื่อเราเข้ามาในถ้ำ.. ดอกแรก เราจะได้เจอกับน้ำพุฟื้นพลังทางซ้ายมือ.. กินแล้วจะผิวพรรณผ่องใส HP และ MP เต็ม เพื่อนที่น็อคจากการต่อสู้ก็จะถูกชุบชีวิตด้วย.. คือดี คือเลิศ….. เดินทางต่อ สำรวจให้ทั่ว เก็บสมบัติให้หมด.. จุดแรกที่เราทะลุโผล่หน้าออกมาได้ เราได้เห็นเรือของโจรสลัดแล่นฉิวเข้ามาจอดในถ้ำนี่แหละ.. เราจะงงว่า มันแล่นได้ยังไงในเมื่อไม่มีลมซักหน่อย.. เดินทางต่อ.. จะได้จ๊ะเอ๋เข้ากับเจ้าโจรสลัดที่กำลังทำท่าทางลับๆล่อๆ เราจะหลบได้ทันพอดี และแอบเห็นมันกดสวิทช์เพื่อเปิดประตูทางลับ.. ตามไปโลด.. กดบ้าง…..



พอเข้าไป.. ชัดเลย ธงโจรสลัดเด่นเป็นสง่าเต็มไปหมด.. นี่มันซ่องโจรสลัดเป็นแน่แท้.. เลนน่าเสนอไอเดียขอติดเรือไปลงที่วิหารแห่งลม บัทซ์บอกมันจะฆ่าเราน่ะสิ.. แต่จนแล้วจนรอดก็ตัดสินใจ “ขโมยเรือ” มันซะเลย(ไอเดียล่อตรีนหนักกว่าเดิมอีก 😂 ).. ให้ขึ้นเรือแล้วไปสำรวจที่พวงมาลัยด้านบนท้ายเรือ.. บัทซ์จะกระโดดขี่และทำท่าขับเหมือนผู้ชำนาญการ ทั้งๆที่ขับไม่เป็นนั่นแหละ.. ยังไม่ทันจะไปไหน งานก็เข้า เมื่อ “ฟารีส” หัวหน้าใหญ่ของแก๊งค์โจรสลัดจับได้ซะก่อน.. เลนน่าพยายามเจรจา แต่ก็ดูจะไม่เป็นผล ทุกคนถูกจับมัดและขังในคุก.. แต่สร้อยคอประจำตัวของเลนน่าที่เหมือนสร้อยคอที่ติดตัวมาแต่เกิดของฟารีสเป๊ะ สร้างคำถามให้เกิดขึ้นในใจของโจรสลัดสาวอย่างมาก..



รุ่งเช้า.. ฟารีสจะสั่งให้แกะเชือกที่มัดพวกเราออก และตัดสินใจที่จะพาเราไปส่งที่วิหารแห่งลม เพราะต้องการเจอกับพ่อของเลนน่า เผื่อได้คำตอบเกี่ยวกับสร้อยคอที่เธอมี.. และก่อนจะออกเรือ คำตอบที่ทุกคนสงสัยมาตลอดว่าเรือแล่นได้ยังไงในเมื่อไม่มีลม ก็ได้ถูกเปิดเผย….. เจ้า “ซิลดร้า” มอนสเตอร์ยักษ์มังกรน้ำ ลูกรักของฟารีสนั่นเอง ที่เป็นคนลากเรืออยู่ใต้น้ำอย่างรู้งาน.. ทุกคนอึ้งตกใจตาโตกันหมด.. ฟารีสหัวเราะชอบใจ.. ต้นหนเรือจะถามว่า จะให้เค้านำทางไม๊?.. ถ้าขี้เกียจขับเองหรือยังไม่รู้ทาง ก็ตอบ “Yes” ไป.. เค้าก็จะขับไปถึงหน้าวิหารให้เราเลย…..


เมื่อถึง “วิหารคริสตัลแห่งลม” ไม่ต้องรอช้า เข้าไปด้านในได้เลย.. ชั้นแรก เราจะได้เจอกับกลุ่มคนที่หนีมอนสเตอร์มาหลบรวมกันอยู่ที่ห้องซ้ายมือ.. เข้าไปคุยกับพวกเค้าเพื่อหาข้อมูล.. ด้านล่างในสุดของห้อง มีไหฮีลเพื่อฟื้น HP, MP ให้อีกด้วย(คือเลิศ คือแจ่ม).. ตะลุยให้ทั่ว เก็บสมบัติ เข้าไปด้านในสุดจะได้เจอกับบอสมอนส์ “” จัดการให้ได้.. เข้าไปด้านในจะได้พบกับห้องเก็บคริสตัลและเศษคริสตัลที่แตกกระจายอยู่.. พระราชาไทคูนเสด็จพ่อของเลนน่าจะปรากฏตัว ฝากฝังทุกคนให้ช่วยพิทักษ์คริสตัลแห่งธาตุอีก 3 ชิ้นที่เหลือให้ได้ พวกเราคือ “นักรบแห่งแสง” ที่ถูกเลือก.. หรือกลุ่มเอ็กซ์ฟอร์ซในตำนานนั่นเอง(ทุ้ย 😂 นอกเรื่องตลอด).. จากนั้นพระราชาจะถูกดาร์คโฮลดูดหายไป.. ฟารีสทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไร..



เศษคริสตัลจะมาล้อมรอบตัวเรา แล้วแจกจ๊อบให้เราผู้กล้าได้เลือก(JOB).. ในเบื้องต้นนี้จะมีอาชีพหลักๆคือ..



- Knight (ไนคท์) หรือ อัศวิน : ข้อดีคือ ใช้อาวุธหนักประเภทดาบและขวานได้ พลังโจมตีและป้องกันสูง มีความสามารถพิเศษหลักในการ “ปกป้องเพื่อน” ที่กำลังบาดเจ็บใกล้ตายได้
- Monk (ม๊องค์) หรือ นักสู้สายหมัด : ข้อดีคือ ร่างกายแข็งแรง ทำให้HPสูงสุดๆ เลือดเยอะ ต่อยหนัก ต่อยเบิ้ล ต่อยซะดาบอัศวินเขินเลยทีเดียว กระโดดถีบได้ทั้งฝูง โหดจัดๆ พ่อหวงเฟยหง 😂
- Thief (ติ๊ฟ) หรือ โจร : ข้อดีคือ ความเร็วสูง ย่องเบาชิงทรัพย์ได้ดียิ่งนัก ฉกไอเท็มจากมอนส์ได้เรื่อยๆ ไอเท็มสำคัญแจ่มๆที่หาได้ยาก ก็อาจได้จากการวิ่งราวนี่เอง.. สามารถมองเห็นเส้นทางลับในจุดดำมืดได้
- White Mage (ไวท์เมจ) หรือ นักเวทย์ขาว : ข้อดีคือ คอยเติมเลือดเติมพลังให้ทีมได้เสมอ คอยสนับสนุนการต่อสู้ให้เพื่อนๆได้อย่างดี ไม่ว่าจะทำให้ศัตรูช้าลง สร้างบาเรียให้เพื่อนที่กำลังแย่ ฯลฯ
- Black Mage (แบล็คเมจ) หรือ นักเวทย์ดำ : ข้อดีคือ สามารถโจมตีมอนสเตอร์ที่ใช้ดาบฟันไม่เข้า ต่อยไม่เข้า ได้.. มีพลังเวทย์ธาตุต่างๆ ซึ่งสามารถเลือกใช้ธาตุที่บอสแพ้หรือมอนส์ทั่วไปแพ้ จะได้ดาเมจที่รุนแรงเป็นพิเศษ
- Blue Mage (บลูเมจ) หรือ นักเวทย์น้ำเงิน : ข้อดีคือ สามารถใช้ได้ทั้ง “ดาบ” และ “คฑา” สามารถเรียนรู้เวทย์แปลกๆจ๊าบๆของมอนสเตอร์ที่สู้ด้วยได้.. แจ่มไม่น้อยเลยนะ เพราะบางเวทย์โหดจริงไรจริง..
*** ขอแนะนำระบบอาชีพนิดนึงครับ อย่างเป็นทางการ.. คืออยากจะบอกว่า ความสนุกแบบวัวตายควายล้มของภาคนี้คือ “สามารถผสมผสานสกิล(อบิลิตี้)ของแต่ละอาชีพ” ได้.. ยกตัวอย่างเช่น เราเซ็งมากกับการที่นักเวทย์ขาวตีเบามากๆ ตีเหมือนตบยุง แม้จะถือคฑาก็เบาอยู่ดี และในบางครั้งเราก็ไม่ต้องการใช้เวทย์แล้ว อยากตี แต่ก็แทบไม่มีความหมายเพราะเบามาก(ในภาคอื่นๆ).. แต่ในภาคนี้ เราสามารถเรียนสกิลของอาชีพอื่นมาก่อน แล้วค่อยมาเป็นนักเวทย์ขาวก็ได้.. เช่น ไปเป็น Monk สายหมัดก่อน พอได้สกิลต่อยสองมือมา ก็ค่อยมาเป็นนักเวทย์ขาว.. พอเปลี่ยนมาเป็นนักเวทย์ขาวแล้ว เราก็เอาสกิลต่อยสองมือใส่เข้าไปในช่อง อบิลิตี้รอง(ช่องล่างนะ ช่องบนเป็นอบิลิตี้หลัก).. แค่นี้ เราก็จะได้นักเวทย์ขาวสายบู๊ ที่ต่อยจนมอนส์สลบได้แล้วครับ.. แค่คิดก็มันแล้วใช่ไม๊.. แล้วเราสามารถประยุกต์ใช้กับทุกๆอาชีพได้เลย.. บันเทิงไม๊ล่ะทีนี้.. สนุกขั้นสุดจริงๆ….. อบิลิตี้ที่มีเครื่องหมาย “!” นำหน้า คือเราต้องกดใช้.. ส่วนอบิลิตี้ที่ไม่มีเครื่องหมายนำหน้าคือ อบิลิตี้ที่ส่งผลอัตโนมัติ..

จัดการเลือกจ๊อบให้เพื่อนๆในทีมจนครบแล้ว ติดตั้งอาวุธ พร้อมเดินทางต่อ.. เดินอ้อมมาทางด้านหลังแท่นวางคริสตัล จะมีแท่นวาร์ปอยู่ วาร์ปออกมาแล้วไปขึ้นเรือ.. ต่อไปเราจะเดินทางไปที่หมู่บ้าน “Tule” ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จากวิหารแห่งลมนี้.. (ก่อนไป อยากจะแอบบอกนิดนึงว่า แผ่นดินยาวๆตรงขวาล่าง มีฝูงสิงโตรอแดกทุกคนอยู่.. 😂 ถ้าห้าวและแกร่งพอ อยากลองอาชีพใหม่ ไปโดนกันได้ ได้แต้มอาชีพดีอยู่.. เงินกับExp ได้คุ้มรึเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คลานหนีให้ทันเป็นพอ.. 😂 โหดจัดๆ กัดทีแทบขิต..)..

ขับเรือมาทางซ้ายล่างอย่างที่ว่า.. จะได้เจอกับหมู่บ้าน “Tule” สมปราถนา.. มาถึง ลูกเรือของฟาริสและตัวฟาริสเองจะขอแยกตัวไปดื่มเบียร์ที่ผับ.. เดินคุยกับชาวบ้านให้ทั่ว ซึมซับเบาะแสและข้อมูลต่างๆ.. ซื้ออาวุธ นอนหลับพักผ่อน.. ปิดท้ายด้วยการไปหาพ่อเฒ่า “Zokk : ซ็อก” ที่บ้านขวาบน.. แกจะเป็นคนที่รู้จักและสนิทสนมกับองค์หญิงเลนน่าดี แกเป็นคนถือกุญแจประตูน้ำ “” ซึ่งเราต้องผ่านไปทางนั้น.. แต่แกจะโกหกว่าไม่มี หายไปแล้ว ในตอนแรก เพราะทางข้างหน้าอันตราย และแกเป็นห่วงองค์หญิง.. ตกกลางคืนบัทซ์จะนอนไม่หลับ เค้าจะเดินออกมานั่งเล่นหน้าบ้านริมคลองและนึกถึงเรื่องที่พ่อพูดถึงคริสตัลในตอนที่เค้ายังเด็ก.. พ่อเฒ่าซ็อกหลังจากแอบไปดูองค์หญิงตอนหลับ ได้เห็นเลนน่าละเมอถึงคุณพ่อและการปกป้องคริสตัลทั้งสามตามที่คุณพ่อได้สั่งไว้.. คุณตาจึงใจอ่อน เดินเอากุญแจมาให้พระเอกที่กำลังต้มมาม่ารอบดึกอยู่ พร้อมกับบอกว่า.. ดูแลองค์หญิงให้ปลอดภัยกลับมา โอเคไม๊? ไม่งั้นกูจะกระทืบมึง.. 😂



รุ่งเช้าไปหาฟาริสที่ห้องพักในผับ บัทซ์จะเป็นคนไปปลุกก่อน แล้วเคลิ้มในความงามของฟาริสจนเดินเหม่อออกมา.. พ่อเฒ่ากาลัฟเห็นท่าทางแปลกๆจึงได้ฉุนเฉียวแล้วเข้าไปบ้าง แต่ก็เคลิ้มออกมาเหมือนกัน(ก่อนหน้านี้ทุกคนคิดว่าฟาริสเป็นผู้ชายหน้าหวานมาตลอด ตอนนี้ก็ยังแค่เคลิ้ม แต่ยังไม่ได้ฟันธง) เลนน่าจึงเข้าไปปลุกเอง.. ฟาริสตื่นมาอย่างสดใสและงงว่าไอ้สองคนนี่มันเคลิ้มอะไร.. ออกจากหมู่บ้าน ฟาริสก็จะวิ่งตามมาเข้ากลุ่ม แต่เธอจะไม่ให้ลูกน้องตามมาด้วยเพราะน่าจะยาวละการเดินทางครั้งนี้.. ลูกน้องโจรสลัดตกใจ แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ลูกพี่..


ออกเรือมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันออก.. จะได้พบกับประตูน้ำ “Torna : ทอร์น่า” เมื่อกดสำรวจ บัทซ์จะเอากุญแจไปไข ประตูจะเปิดออกพร้อมเดินทางต่อ.. ขับเรือต่อมาได้ไม่ไกล ก็จะเจอของดีทันที น้ำวนขนาดใหญ่จากฝีมือมอนสเตอร์ “Karlabos : คาร์ลาบอส” เราจะถูกจู่โจม.. จัดการให้ได้.. เมื่อเอาชนะได้ เรือออกมาได้ แต่เจ้าซิลดร้าผู้ลากเรือมาตลอดจะขาดออกจากเรือและถูกดูดลงไปแทน.. ฟาริสร้องเสียงดัง แต่ก็ไม่สามารถช่วยมันไว้ได้ เพื่อนๆจะช่วยปลอบ..






เรือของเราจะลอยเท้งเต้งไร้ทิศทาง จนมาเกยเข้ากับซากเรือในสุสานเรือ.. โถ อนิจจังวัตตะสังขารา ถึงเวลาโบกมือลาเรือสุดรักของฟาริสแล้วครับ.. ออกเดินทางต่อ กระโดดไปตามซากเรือต่างๆ สำรวจให้ทั่วเก็บสมบัติให้หมด.. หินที่โผล่ขึ้นมาสามารถกระโดดดึ๋งๆเพื่อไปเก็บสมบัติหรือเพื่อไปต่อได้.. ถึงจุดหนึ่งเราจะต้องลงน้ำ แล้วเราจะเปียกกันหมด.. เดินต่อไปเรื่อยๆจะได้พบกับห้องๆหนึ่งที่สะอาดและใช้เป็นที่พักได้.. พวกเราจะก่อไฟเพื่ออังเสื้อผ้าให้แห้ง เลนน่าจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง ย้ำชัดว่าห้ามแอบดูเด็ดขาดนะ.. ส่วนฟาริสยืนเก๊กอยู่มุมห้องเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี บัทซ์และกาลัฟจึงบอกให้ถอดเสื้อแล้วมานั่งอังไฟด้วยกัน ก่อนจะลุกไปช่วยกันรุมถอดเสื้อแม่เสือสาวด้วยความเป็นห่วง กลัวจะเป็นหวัด ก่อนถูกถีบกระเด็นและได้รู้ชัดเจนว่าฟาริสเป็น “ผู้หญิง!!”.. ทุกคนอึ้งแต่ก็รับได้อย่างรวดเร็วเพราะความรักที่มีต่อกัน.. สาเหตุที่เธอปิดบังมาตลอดก็เพราะอยู่ในดงโจรแบบนี้ ถูกมองว่าเป็นผู้ชายน่าจะปลอดภัยกว่า..



เมื่อตื่นกันครบทุกคนก็เดินทางต่อ.. จะได้เจอกับ “แผนที่โลก” ที่สมบูรณ์และสามารถเก็บได้ที่เรืออีกลำ.. มีก้อนหินที่ไปต่อได้เพื่อเก็บกล่องสมบัติ.. มีกล่องสมบัติที่เป็นกลไกลับเพื่อเปิดทางไปต่อ.. ไปจนสุดทาง จะได้เจอกับเหตุการณ์ปริศนา คือ แม่ของบัทซ์, พ่อของเลนน่า, หลานของกาลัฟมายืนรอ.. ทุกคนจะหลงกลและถูกดูดวิญญาณ ยกเว้นกาลัฟที่จำอะไรไม่ได้ จึงเป็นคนเดียวที่ยังมีสติ จากกลลวงของ “ไซเรน” ปีศาจทะเลที่สามารถสร้างภาพลวงตาได้.. กาลัฟจะเรียกสติทุกคนจนตื่นและได้วิญญาณกลับมา.. สุดท้ายเราต้องสู้กับมัน.. เอาชนะให้ได้ แล้วเดินทางต่อ ก็จะสามารถขึ้นฝั่งได้ครับ..


เดินเลาะชายฝั่งลงมาทางใต้เรื่อยๆ จะได้พบกับเมือง “Carwen : คาร์เว็น” ที่นี่จะมีเสียงดนตรีที่จ๊าบมากๆ.. อารมณ์เหมือนปี่สก็อต เหมือนฉากที่แจ็คกับโรสเต้นรำกันใต้ท้องเรือในเรื่องไททานิค.. หาข้อมูลจากชาวบ้านให้ทั่ว เราจะได้รู้ว่าที่นี่เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญมากๆที่หนึ่ง แต่ตอนนี้ต้องหยุดกิจการไปกันหมดเพราะไม่มีลมหรือลมพัดอ่อนมากๆ ไม่มีใครออกเรือเพื่อพาเราไปที่ต้องการแน่นอน.. ได้ข่าวว่ามีหญ้ามังกรอยู่บนหุบเขาทางเหนือ.. ได้ข่าวเรื่องสัตว์ประหลาดในคลอง.. ได้ข่าวเรื่องมังกรฮิริว(มังกรของพ่อเลนน่า)เป็นมังกรลมตัวสุดท้าย.. ฯลฯ.. ซื้ออาวุธ ซื้อไอเท็ม พักผ่อนให้เพียงพอ เสร็จแล้วออกเดินทางไปที่หุบเขา “นอร์ทเมาท์เท่น” ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ(ขึ้นเหนือเยอะเลย)..


เมื่อถึงแล้ว ก็เข้าไปได้เลย.. ในหุบเขานี้จะมีหญ้าพิษสีม่วงอยู่ อย่าไปเหยียบเชียว ติดพิษทั้งกลุ่มทันที.. สำรวจให้ทั่ว เก็บสมบัติให้หมด.. ไปได้ถึงกลางทาง เลนน่าจะได้พบกับหมวกเหล็กของคุณพ่อ.. เมื่อเธอวิ่งไปเก็บจะถูกโจมตีจาก “มากิสซ่า” โจรที่จะมาล่าฮิริว แผ่นดินก็จะทรุดแยกตัดขาดเราจากเลนน่าพอดี แต่ฟาริสไม่ยอม กระโดดข้ามไปช่วย ถึงจะพลัดตกไปแต่ก็ปีนขึ้นมาได้ในที่สุด.. ฟาริสจะมัดเชือกเป็นสะพานแล้วเหวี่ยงให้เรา.. ก็ข้ามไป จัดการอิเจ๊นั่นซะ.. ซักพักมันจะเรียกผัวมันมาช่วย.. อย่าให้มันรอดไปได้ เอาให้ยับทั้งคู่.. 😂



เดินทางต่อ ไปจนสุดทาง จะได้พบกับ “ฮิริว” มังกรของเสด็จพ่อเลนน่านอนป่วยอยู่.. เลนน่าจะฝ่าดงหญ้าพิษไปเก็บหญ้ามังกรมารักษาฮิริวจนได้ จนตัวเองบาดเจ็บเอง.. ฮิริวจะหายดี แข็งแรง และกลายเป็นพาหนะสุดจ๊าบให้เราขับลงเขาเช่นนั้นเอง.. บัทซ์ถึงแม้จะกลัวความสูงไม่น้อย แต่ก็โดนเพื่อนๆคะยั้นคะยอจนต้องขึ้นขี่ด้วยเช่นกัน..


เมื่อได้ฮิริวมาแล้ว.. ทีนี้เราก็จะค่อนข้างอิสระในการเดินทางขึ้นมากมายทีเดียว.. ไปแวะเก็บเวลให้เพลินใจ เมื่อพร้อมแล้วก็เดินทางต่อไปยังเมือง “วอลสุ(หรือวอลรัส)” ทางทิศใต้.. เข้าไปในส่วนของหมู่บ้านก่อนเพื่อคุยกับชาวบ้านและซื้อของ.. เราจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่พอสมควร จะได้รู้ว่ามอนสเตอร์ที่ชื่อ “กาลูร่า” ที่มีลักษณะคล้ายช้าง เป็นสัตว์ที่เชื่อง.. พระราชาของที่นี่ใช้คริสตัลแห่งน้ำดูแลทุกคน และคริสตัลอยู่ที่ “หอคอยวอลสุ” ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจากที่นี่.. เสร็จแล้วออกจากส่วนหมู่บ้านไปเข้าพระราชวัง..

เมื่อเข้ามาในพระราชวัง.. ชอนไชให้ทั่วทุกห้อง(ก่อนไปหาพระราชา).. คุยกับทหารและนักปราชญ์ทุกคน จะได้ข้อมูลมากมาย จะได้รู้ว่าอสูรน้ำแข็ง “ชิวา” ถูกผนึกไว้ที่ไหนสักแห่งในปราสาทนี้.. จะมีทางลับไปเก็บสมบัติ ไปเก็บ “ผ้าคลุมเอลฟ์” แต่ระหว่างทางอาจได้เจอ “วานรมืด” ซึ่งตบแรงมากๆด้วย.. จะวิ่งหนีหรือจะสู้ ตัดสินใจให้ดี.. สำรวจทั่วแล้ว คุยทั่วแล้ว ดิ่งไปที่ห้องพระราชาตรงกลาง.. เมื่อพบหน้ากัน เลนน่าจะขอให้พระราชาหยุดใช้คริสตัลแห่งน้ำอย่างหักโหม.. แต่พระราชากลับปฏิเสธ.. คุยกันได้สักพัก จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเพราะมีอุกกาบาตตกมาที่ใกล้ๆกับ “หอคอยวอลสุ” อีกหนึ่งก้อน.. พระราชารีบแจ้นไปดูอย่างไว.. ให้เราตามไป.. หอคอยวอลสุจะอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาท ขับฮิริวตรงไปเลย ก็จะได้พบกับอุกกาบาตตกอยู่ใกล้ๆจริงๆ แต่เข้าไปสำรวจรอบแรกที่อุกกาบาตจะยังไม่เจออะไร.. เดินไปที่หอคอย จะได้พบกับทหารผู้พิทักษ์หอคอยนอนบาดเจ็บอยู่ พวกเค้าจะบอกว่า เจ้าช้าง “กาลูร่า” ที่เคยเป็นสัตว์ที่สุภาพมาตลอดเกิดบ้าคลั่งทำร้ายทุกคน และวิ่งตามพระราชาขึ้นไปที่ห้องเก็บคริสตัลพร้อมกับอัศวินแปลกหน้าหนึ่งนายแล้ว..


ให้เราตามขึ้นไปบนหอคอย.. ในหอคอยนี้มีเถาวัลย์ให้ปีนขึ้นไปได้.. ก็เช็คให้หมด.. ปีนขึ้นไปเก็บสมบัติ ปีนขึ้นไปส่อง.. มีสมบัติดีๆหลายชิ้นอยู่ครับ กวาดให้หมด.. ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดจะเจอพระราชาก่อนถึงห้องคริสตัล พระราชานอนบาดเจ็บอยู่.. เมื่อเข้าไปถึงห้องเก็บคริสตัล เจ้าช้างคลั่งจะโจมตีอัศวินแปลกหน้าคนนั้นอยู่พอดี เสร็จแล้วมันก็จะหันมาทางเรา.. ก็จัดการให้เรียบร้อย.. สยบความคลั่งของเค้าซะ..



เมื่อเอาชนะเจ้าช้างได้.. อัศวินแปลกหน้าจะคลานไปที่ประตู และจะบ่นพึมพัมว่าขอโทษท่านกาลัฟที่ข้าไม่สามารถพิทักษ์คริสตัลตามคำสั่งได้อีกแล้ว ก่อนจะเสียชีวิตไป.. กาลัฟตกใจ ตะโกนลั่นว่าอย่าเพิ่งตาย ช่วยบอกทีว่าข้าเป็นใครรร!!!?
จากนั้น คริสตัลแห่งน้ำก็จะระเบิดแตกสลายออก เหมือนที่เลนน่ากังวล.. เศษคริสตัลจะเป็นพลังให้เรา แจกจ๊อบให้เราอีก 5 จ๊อบ.. อีกเม็ดนึงยังเก็บไม่ได้ ปล่อยไปก่อน.. ซักพักหอคอยจะเกิดการถล่ม และยุบตัวหายไปพร้อมแผ่นดินเลย.. ถึงแม้เราจะวิ่งออกประตูหลังมาได้ทัน แต่สุดท้ายก็ต้องลอยคออยู่กลางทะเลอยู่ดี.. ในขณะที่เรากำลังจะจมน้ำตายกลางทะเลนั่นเอง น้องซิลดร้าที่ทุกคนคิดว่าอาจตายไปแล้วก็โผล่มาช่วยเราไว้ พาเราไปจนถึงฝั่ง.. แต่กระนั้น ดูเหมือนซิลดร้าจะใช้พลังทั้งหมดที่ตัวเองมีเพื่อช่วยเรา เค้าเลยหมดแรง และจมลงทะเลไปอีกครั้ง.. ฟาริสได้ร้องไห้ให้เพื่อนปลอบอีกรอบ..



เดินทางมาสำรวจที่อุกกาบาตอีกรอบ.. รอบนี้จะมีทางให้เข้าไปในอุกกาบาตได้.. เข้าไปด้านในสุด จะได้เจอจุดวาร์ปให้วาร์ปไปที่อุกกาบาตอีกลูกที่ตกอยู่ใกล้ๆเมือง “Karnak : คาร์นัก”.. เดินไปที่เมืองคาร์นักทางทิศตะวันตก(ต้องอ้อมแนวเขาโดยเลียบขึ้นไปทางเหนือก่อนแล้วลงมา)..






เมื่อเข้าไปซื้อของในเมือง ก็จะถูกทหารล็อคตัว แล้วจับไปขังในคุกเพราะคิดว่าเราเป็นมอนสเตอร์ที่ออกมาจากอุกกาบาต.. เราจะได้เจอกับ “ซิด” ในคุก.. เค้าจะพยายามแหกคุกโดยระเบิด แต่ดันเจาะมาเจอห้องของพวกเรา.. ซิดจะเล่าให้เราฟังหลายอย่างว่าเค้าเป็นคนสร้างเครื่องขยายพลังคริสตัลเอง แต่เค้าก็พยายามหยุดมันก่อนที่จะโดนจับโยนเข้ามาในคุก.. ไม่นานมหาอุปราชของคาร์นักก็วิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ เพราะทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ซิดพูดจริงๆ คริสตัลกำลังจะระเบิด.. เค้าจะขอให้ซิดช่วย และซิดก็จะขอให้ปล่อยพวกเราเพราะต้องการให้เราช่วยอีกที.. ตอนแรกเค้าเหมือนจะไม่ยอม แต่สุดท้ายก็จะยอม.. ซิดจะออกไปก่อน เราก็ตามไปและสำรวจให้ทั่ว จะได้เห็นกล่องสมบัติเต็มไปหมดหลายจุด แต่ยังเก็บไม่ได้.. ออกไปจากเมืองแล้วจะเห็นเรือจอดอยู่หน้าเมือง เข้าไป.. เรือนี้เป็นเรือกลไฟของซิด ซิดจะส่งเราที่ทางเข้าและอวยพรให้ปลอดภัย.. เข้าไปโลด..


ภายในเรือกลไฟ จะอุดมไปด้วย “กลไก, สายพาน, และลิฟท์” มึนกันซะให้พอ.. เก็บสมบัติให้หมด ของดีๆเยอะทีเดียว.. มีอยู่ห้องหนึ่งถัดจากจุดเซฟ จะเป็นคันโยกซับซ้อนหลายอัน เพื่อโยกให้พื้นที่ๆเราเหยียบอยู่ในจุดที่เหมาะสม เพื่อไปเอากล่องสมบัติและเดินทางต่อ.. ใช้ได้ทีเดียว ใครหัวร้อนง่ายแนะนำเตรียมน้ำแข็งไว้ประคบ.. 😂 เมื่อได้ของแล้วก็เดินทางต่อ จะได้เจอกับราชินีแห่งคาร์นักยืนทำหน้ามึนอยู่ เพราะเธอถูกสิงอยู่.. เธอจะเข้าโจมตีเรา เราจะได้สู้กับปีศาจไฟ “” เอาเรื่องทีเดียว.. ตบให้ลง..



เมื่อเอาชนะได้ ราชินีจะหลุดจากภวังค์ที่ถูกสะกด.. เธอจะบอกให้เรารีบไปปกป้องคริสตัลด้านใน.. เมื่อเราเข้ามาในห้องคริสตัล จะได้พบกับเจ้ามนุษย์หมาป่าที่หลายคนพูดถึง.. เค้าจะบอกว่าไม่ได้เป็นศัตรู และพูดกับกาลัฟราวกับว่ารู้จักกัน ส่วนกาลัฟก็ทำได้เพียงแค่งง..
ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้นเอง ก็จะมีทหารที่ถูกสิงเดินมาเปิดสวิทช์เร่งเครื่องจนคริสตัลระเบิด.. มนุษย์หมาป่าจะสละชีพให้พวกเรารอด กาลัฟก็ยังไม่ได้รู้อะไรอีกเช่นเคย.. เรามีเวลาวิ่งออกจากปราสาทก่อนที่ปราสาทจะระเบิด 10 นาที.. ยังจำกล่องสมบัติมากมายที่เข้าไปเอาไม่ได้ในตอนแรกได้ไม๊?.. นี่แหละโอกาสของเรา.. วิ่งไป แฮ้ปไป ให้หมด..



เมื่อออกมาได้ ปราสาทก็ระเบิด กลายเป็นโกโก้ครั้นช์.. เศษคริสตัลจะกระเด็นมามอบจ็อบให้เราอีก 3 จ๊อบ แซ่บๆ..

เมื่อออกมายืนบนแผนที่โลกอีกครั้ง.. จะเห็นว่า กำแพงที่เคยกั้นทางๆซ้ายได้พังลงไปครึ่งหนึ่งเพราะแรงระเบิดของปราสาท.. เข้าไปคุยกับซิดในเรือ.. พ่อเฒ่าจะโทษตัวเองอย่างมาก ที่สร้างเครื่องเร่งพลังคริสตัลจนทุกอย่างวายป่วงไปหมด.. เค้าจะหนีไปอยู่ที่ห้องพักในเมืองคาร์นักนั่นเอง.. ให้เราตามไปคุยกับเค้าในผับด้านบน.. เค้าจะพูดถึงหลานชายของเค้า และบอกว่าอยากอยู่คนเดียวซักพัก เลนน่าจะปลอบใจว่าทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเค้าหรอก.. ไปดูอาการพระราชินีที่โรงแรมชั้นสอง.. เธอจะยังนอนสลบอยู่ แต่ก็มีอาการหวาดกลัวและละเมอถึงความมืดที่แสนน่ากลัวอยู่ตลอด.. เตรียมตัวซื้อข้าวของให้พร้อม แล้วออกเดินทางผ่านกำแพงที่พังทลายด้านซ้ายเพื่อลงไปที่ “ห้องสมุดโบราณ” ทางทิศใต้..


ในระหว่างการเดินทาง เราจะได้พบกับทะเลทรายเวิ้งหนึ่ง ไม่เล็กไม่ใหญ่.. มีเจ้ามอนส์ตัวโหด “คิเมร่า” อยู่ด้วย.. ตบโหดจัดๆ ถ้าไม่แข็งจริงคือตายจริงๆ.. สิ่งที่อยากบอกคือ ใครที่อยากเล่นอาชีพ “มนตร์น้ำเงิน” อย่าพลาดที่จะเรียนรู้เวทย์ “ฟองน้ำ” ของเจ้านี่เอาไว้.. โจมตีได้ทั้งกลุ่ม แถมแรงใช้ได้เลยด้วย.. ได้แล้ว หรือเก็บเลเวลพอใจแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ.. ลงใต้และโยกมาทางตะวันออกนิดหน่อย ก็จะได้พบกับ “ห้องสมุดโบราณ” ที่ล้อมรอบด้วยป่าทึบ สมใจ.. ***ก่อนจะไปบู๊ในห้องสมุดโบราณ แนะนำให้มีหนึ่งคนในทีมที่ใช้เวทย์ดำได้ เพราะมอนส์ในห้องสมุดส่วนใหญ่จะแพ้เวทย์ไฟ แถมต้องบวกกับ “อิฟริท” อสูรแห่งเปลวเพลิงอีกด้วย.. และเฮียแกก็แพ้เวทย์น้ำแข็ง.. ถ้ามีนักเวทย์ดำไปด้วย อะไรก็จะง่ายขึ้นครับ….. เมื่อเข้าไปในห้องสมุด พูดคุยกับนักปราชญ์ให้ทั่วทั้งหมด จะได้ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือหลายเล่มที่นี่มีปีศาจสิงอยู่ และพวกเค้าก็พยายามเผาทำลายมัน.. ขึ้นไปชั้นสอง มีไหฮีลให้ ขึ้นไปอีกจะพบกับนักปราชญ์ที่กำลังเผาหนังสืออยู่ สำรวจที่หนังสือ จะมีบางเล่มที่มีปีศาจอยู่จริงๆ และมันจะโจมตีเรา..


กลับมาที่ห้องแรก.. ไปที่ชั้นซ้ายล่าง จะมีทางไปต่อ.. ในห้องสมุดนี้ จะมีกลไกทั้งที่แบบเหยียบแล้วเกิดผลอัตโนมัติกับแบบต้องกดสำรวจ.. ก็กดๆเหยียบๆไปเรื่อยๆ ไม่ยากเท่าไหร่.. เราจะไปจนถึงห้องที่ชั้นหนังสือผีสิงมันแกล้งเรา กั้นทางเรา.. ก็ให้ไปอีกทาง.. แล้วเราจะได้เจอกับอสูรแห่งเปลวเพลิงในตำนาน “อิฟริท” สุดหล่อนั่นเอง.. เค้าจะทดสอบเรา เราต้องชนะเค้าให้ได้เท่านั้น เค้าถึงจะยอมให้เราใช้พลังของเค้า.. จัดการให้ตามคำขอ.. อัดเวทย์น้ำแข็งเข้าไป ต่อยเข้าไป ฟันเข้าไป.. ซักพักก็เสร็จโก๋ครับ.. ได้อิฟริทมาครอบครองสมใจหมาย..
เมื่อปราบอิฟริทได้แล้ว นอกจากได้เค้ามา อิฟริทก็จะให้ไอเท็ม “คัมภีร์ไฟ” มาด้วย.. เดินทางกลับมาทางห้องที่มีเจ้าชั้นหนังสือผีสิงที่กั้นทางเรา.. รอบนี้เรามีอิฟริทมาด้วย มันจะเจอไฟของอิฟริทเหวี่ยงใส่จนต้องหลบอย่างเร็ว.. เดินทางต่อ เดินไปเรื่อยๆ เราจะได้เจอกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งยืนหันหลังง่วนอ่านหนังสืออยู่.. แต่ก่อนเราจะได้คุยกับเค้า เราจะต้องผ่านเจ้าบอสใหญ่แห่งห้องสมุดโบราณนี้ก่อน.. นั่นคือเจ้า “ไบบลอส” นั่นเอง.. แสบใช้ได้เลย เอาลงไม่ได้ง่ายๆถ้าไม่มีนักเวทย์ดำ.. อัดเวทย์ไฟใส่มันหนักๆ.. แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร สุดท้ายแล้วให้ขว้างไอเท็มที่อิฟริทเพิ่งให้มา “คัมภีร์ไฟ” ใส่มัน.. โดนไปตูมเดียวเท่านั้นแหละ ยอมแพ้อย่างไว.. เมื่อชนะมันได้ หนุ่มน้อย “มิด” หลานชายสุดรักของ “ซิด” ก็จะหันมาคุยกับเรา..



ดูเค้าจะเป็นเด็กที่หมกมุ่นกับการอ่านหนังสือเอามากๆจริงๆ.. เค้าจะพาเราออกทางลัดมาโผล่ที่ห้องด้านหน้า.. เราจะสุมหัวคุยกันพักหนึ่ง เราจะบอกว่าซิดปู่ของเค้ากำลังหมดไฟและรู้สึกแย่ เก็บตัวอยู่คนเดียวที่ห้องพักในเมืองคาร์นัก มิดได้ฟังก็ตกใจและรับไม่ได้ เพราะคุณปู่ของเค้าไม่เคยเป็นคนยอมแพ้ต่ออะไรมาก่อน ก่อนที่มิดจะรีบออกไปหาซิด…
ให้เราตามกลับไปที่คาร์นัก.. ขึ้นไปคุยกับซิดที่ห้องพักชั้นสอง.. มิดจะเข้ามาโวยวายใส่คุณปู่ ที่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพคนขี้แพ้แบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆที่เคยสอนเค้าเอาไว้เองว่าอย่ายอมแพ้กับอะไร.. ซิดได้สติอีกครั้ง.. ทั้งคู่จะกลับออกไปขึ้นเรือ ให้เราตามไปคุย เค้าจะช่วยกันซ่อมเรือปรับปรุงเรือให้เรา.. ระหว่างรอสองอัจฉริยะซ่อมเรือ กาลัฟเหมือนจะได้ความทรงจำเดิมๆกลับคืนมาเมื่อเห็นมิดคุยกับซิด.. เค้าเหมือนจะจำได้ว่าเค้ามาจากดาวดวงอื่นเพื่อมาหยุดจอมปีศาจ “เอ็กซ์เดธ” เค้าเริ่มเห็นภาพลางๆมากขึ้น เห็นหลานสาวตัวเอง และบอกว่าเค้าเคยมาผนึกมันไว้ที่นี่เมื่อสามสิบปีที่แล้ว..
เมื่อเรือทำเสร็จ เดินออกมาจากห้อง เราจะได้พบสองหนุ่มปู่กับหลานนอนสลบเพราะความเพลียอยู่.. หลับปุ๋ย.. คุยกับซิด แล้วเราจะได้เรือกลไฟลำนี้มาครอบครอง..


เดินทางด้วยเรือมาที่เมือง “เครสเซ่น” ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้สุดของแผนที่ เป็นเกาะลักษณะคล้ายจันทร์เสี้ยวหรือเขี้ยวมด.. เมื่อเข้าไปหาข้อมูลในเมือง จะเกิดแผ่นดินไหว เกิดน้ำวน ดูดเรือเราลงไปทั้งลำ(เหี้ยมาก บอกเลย 😂).. ซิดกับมิดรู้ มันจะฆ่ากูไม๊เนี่ย ตั้งใจทำกันขนาดนั้น.. ถุยชีวิต.. 😂
พูดคุยหาข้อมูลให้ทั่ว ซื้อของซื้อเวทย์ เดินเก็บเวล.. เมื่อพอใจแล้ว ให้เดินลงมาที่ป่าด้านล่าง.. จะเป็นป่าที่มีโจโคโบะสีดำซึ่งสามารถบินได้อาศัยอยู่.. จับมันให้ได้.. ตอนแรกมันจะบินไม่ขึ้นเพราะมีบางอย่างติดคออยู่.. ฟาริสจึงตบหลังจนมันคายออกมา.. เป็นเศษคริสตัลสองชิ้นจากคาร์นักที่กระเด็นมาแถวนี้.. เราจะได้อาชีพใหม่อีกสองอาชีพ.. คือ 1.นักกวี(ใช้เครื่องดนตรี) 2.เรนเจอร์(ใช้ธนู).. หลังจากนี้ เจ้าโจโคโบะดำก็จะสามารถบินได้แล้ว แถมบินได้โหดยิ่งกว่าฮิริวอีก.. แต่มีข้อแม้คือ ต้องจอดในป่าเท่านั้น มันไม่ยอมอยู่นอกป่าหรือพื้นที่อื่น..


แว๊นซ์เจ้าแบล็คกลับมาหาซิดและมิดที่ห้องสมุดโบราณ.. ซิดและมิดจะบอกว่า ได้ข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชาไทคูนหรือเสด็จพ่อของเลนน่านั่นเอง.. มีคนเห็นเค้าเข้าไปใน “ทะเลทรายสายน้ำ”.. ทุกคนตกลงไปตรวจสอบทันที.. เดินเท้าออกมาทางซอกเขาซ้ายล่างของห้องสมุดนั่นเอง ไปตามทางเรื่อยๆ จะไปทะลุที่ทะเลทรายสายน้ำในที่สุด..

ปัญหาก็คือ.. ทะเลทรายที่นี่ จะไหลไปมาเหมือนสายน้ำ เราจะไปไหนไม่ได้ตรงจุดเริ่มต้น.. ซิดและมิดจึงเสนอไอเดีย เรียกเจ้าหนอนทรายตัวยักษ์ให้ปรากฏ แล้วให้เราปราบมัน เหยียบมันข้ามเข้าไป.. ก็ให้กด “ตกลง” พวกเค้าก็จะเรียกมันมา.. ก็ลุย.. มันจะมาพร้อมกับหลุมสามหลุม ผลุบๆโผล่ๆทำให้เราโจมตีพลาดได้.. โจมตีสวนเอาเรื่องทีเดียว.. วิธีปราบมันที่ง่ายที่สุดคือ ให้จอมเวทย์น้ำเงินใช้ท่า “ฟองน้ำ” ของมอนส์เตอร์ “ชิเมร่า” (ที่มีหัวเป็นสิงโต,แพะ,มังกร มีหางเป็นงู) ดาเมจโหดๆที่ 5,000+ ถึงกับร้องเจี๊ยกเลยล่ะ..

เมื่อปราบมันได้ก็เดินทางต่อ.. กลางล่างจะเป็นปีระมิดที่เข้าไม่ได้.. ขวาล่างจะเป็นทางออกไปสู่ “เมืองร้าง”.. ไปที่เมืองร้าง เมื่อเข้าไป เราจะได้เห็นพระราชาไทคูนวิ่งหลบแว้บไปแว้บมา ก็ให้ตามไปเรื่อยๆ.. จนในที่สุด ก็จะเดินผ่ากลางขึ้นไปนั่นแหละ แล้วเราจะตกหลุมกับดักไปโผล่ใต้ดิน.. เดินไปตามทาง.. เมื่อเข้ามาที่ห้องซ้ายบน เดินไปจนสุดจะได้เจอกับจุดวาร์ป(ซึ่งตอนแรกเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร).. มันจะพาเราวาร์ปไปโผล่ที่ถ้ำใต้ทะเลบริเวณที่เรือเราถูกน้ำวนดูดลงไป.. แท่นวาร์ปจะโอเวอร์โหลดเพราะไม่ได้เปิดใช้มานาน มันจะช็อตและระเบิดแตกออก.. เดินทางต่อ.. เมื่อโผล่มาอีกชั้น ขึ้นบนจะเป็นจุดเซฟและทางไปต่อ แต่อย่าเพิ่งไป เดินอ้อมลงมาข้างล่าง จะมีห้องนอนให้นอนพักผ่อนได้.. จะมีห้องสมบัติสามกล่องให้ไปโยกที่คันโยก จะได้คำใบ้ ก็ไปตามคำใบ้เรื่อยๆ จนสุดท้ายก็กลับมาโยกที่เดิม(กวนจริงๆ).. เก็บสมบัติทั้งสามกล่อง แล้วเดินกลับไปทางข้างบนที่มีห้องเซฟ.. เมื่อเราโยกคันโยก(ก่อนถึงห้องเซฟ).. ซิดกับมิดที่ขี่โจโคโบะสีดำกลับมาคืนที่ป่าเดิมของเค้า ก็จะเจอกับหลุมกับดัก ตกลงมาในถ้ำเดียวกับเรา.. เมื่อเราเดินต่อไปอีก ก็จะได้เจอกับเรือกลไฟที่ซิดให้เราจอดอยู่ที่นี่ คู่กับเรือเหาะที่มีใบพัดอีกลำ.. เมื่อเดินไปสำรวจ จะได้พบกับซิดและมิดที่ตกมาอยู่บนเรือลำนั้นพอดี.. ซิดจะแกะนู่นทำนี่จนเรือเหาะใช้งานได้จริงๆอีกครั้ง.. พวกเราจะได้ออกผจญภัยอีกครั้ง ส่วนซิดกับมิดจะอยู่ซ่อมเรือกลไฟต่อที่นี่.. แต่ก่อนที่จะไปไหนได้ เราต้องปราบเจ้าบอสกุ้งสีเงินที่เกาะเรือเหาะของเราตามขึ้นมาเสียก่อน..



เดินทางไปบริเวณเหนือเมืองร้างที่เจอพระราชาไทคูนแว้บไปแว้บมาอีกครั้ง.. จะเกิดเหตุการณ์ เมืองยกตัวลอยสูงขึ้นบนฟ้า.. จังหวะนี้ เราจะบินไปเดินเก็บเวลซื้อของเพลินๆได้ทั่วโลก.. ก็จัดไปครับ อย่าให้เสียโอกาส.. พร้อมแล้วก็กลับไปคุยกับซิดและมิดที่ถ้ำใต้ทะเลอีกครั้ง..

พวกเค้าจะบอกว่าต้องการแร่ “” เพื่ออัพเกรดเรือเหาะให้บินได้สูงขึ้น เพื่อขึ้นไปบนเกาะลอยฟ้า.. กาลัฟบอกว่า ดาวตกที่เค้านั่งมา มีแร่นี้อยู่.. ก็ให้เราขับเรือเหาะไปที่อุกกาบาตลูกแรกที่เราเจอกาลัฟ.. สำรวจตรงกลางก้อน กาลัฟจะกดกลไกบางอย่าง ทางเข้าจะเปิดออก.. เข้าไปด้านใน แร่””ก็จะรอเราอยู่เลย.. เดินตรงเข้าไปเก็บ แล้วกลับไปหาซิดกับมิดที่ถ้ำใต้ทะเล.. แล้วเค้าทั้งสองจะอัพเกรดเรือเหาะของเราให้บินสูงขึ้นได้อีกระดับ..

เมื่อได้เรือแล้ว ก่อนจะเหาะขึ้นไปบนเกาะลอยฟ้า แนะนำให้เปลี่ยนอาชีพทุกคนเป็นอาชีพที่โจมตีทางกายภาพได้ไม่รุนแรงก่อน เช่น นักเวทย์ขาว,ดำ,น้ำเงิน ห้ามติดอาวุธหนัก เน้นใช้เวทย์.. เหตุผลก็เพราะ บนเกาะลอยฟ้ามีป้อมปืนที่มีกระสุนยิงให้เราติด “สับสน” ได้.. ถ้าใช้อาชีพโจมตีหนักเช่น อัศวินหรือม๊องค์ เวลาเพื่อนของเราติดสับสน อันตรายทั้งมันจะฆ่าเรา และเราจะฆ่ามัน(โจมตีเรียกสติ).. และจะติดแบบรัวๆตอนป้อมปืนใกล้พัง.. แต่ถ้าเราใช้นักเวทย์ จะตีกายภาพเบา.. เวลาเพื่อนเราสับสน เราก็ตบมันให้ได้สติแบบที่ไม่โหดได้.. เวทย์น้ำเงิน2เวทย์ขาว2, หรือเวทย์ดำ2เวทย์ขาว2, ประมาณนั้นครับ..
พร้อมแล้ว ยกเพดานบินเรือเหาะของเราขึ้นไปครับ.. ที่เกาะลอยฟ้า จะมีป้อมปืนซ้ายขวาฝั่งละ2เซ็ท.. จัดการให้หมด ก็จะได้เจอกับป้อมปืนใหญ่.. พลังเยอะที่เดียว แพ้สายฟ้า.. ก็จัดไป ตบให้ลง.. แล้วจะได้พบกับทางเข้า.. (ระหว่างนี้เราสามารถลงไปพักผ่อนที่เมืองก่อนได้ โดยขับยานเหาะออกนอกรัศมีเกาะลอยฟ้าครับ พร้อมแล้วค่อยกลับขึ้นมา)..



พร้อมแล้วบุกเข้าไปด้านใน.. ความน่าหงุดหงิดในนี้คือ จะมีทางขาดแบบหลอกๆอยู่ตลอด ซึ่งจริงๆมันไปได้.. ทำให้เราสับสนและต้องคลำหาทางไปเอากล่องสมบัติหรือประตูเอาเอง.. เข้าไปด้านในสุด จะได้พบกับพระราชาไทคูนยืนประจัญหน้ากับบอส “” อยู่.. เค้าดูไม่ปกติเท่าไหร่ และเค้าจะให้เราสู้กับบอส.. จัดการให้ได้(บอสจิ้งเหลนจะตายแล้วฟื้นรอบนึงนะครับ).. เมื่อผ่านบอสไปได้ เข้าไปจะเป็นห้องเก็บคริสตัล พระราชาจะดูเพี้ยนๆเหมือนโดนควบคุมอยู่ บัทซ์กับกาลัฟจะเข้าบวกแต่เลนน่ากับฟาริสจะห้ามเอาไว้.. ในขณะที่สถานะการณ์กำลังตึงเครียด “คูรูรู” หลานสาวของกาลัฟที่มาจากต่างดาวจะนั่งอุกกาบาตมาถึงพอดี เธอจะอัดเวทย์ใส่พระราชาไทคูนจนสลบไป กาลัฟจะจำทุกอย่างได้ คริสตัลจะแตกออก “เอ็กซ์เดธ” จะหลุดจากสะกด มันจะปากดีก่อนที่จะวาร์ปหายไปเพื่อไปทำลายบ้านเกิดของกาลัฟ.. กาลัฟและหลานก็จะรีบตามไป แต่เราจะยังไปไม่ได้เพราะแท่นวาร์ปพลังอ่อนมากแล้ว.. พระราชาจะได้สติและดีใจมากที่ได้เห็นหน้า “ฟาริส”.. พระองค์จะใช้พลังที่เหลือทั้งหมดทำให้เศษคริสตัลใช้ได้ เราจะได้อาชีพใหม่อีก 4 อาชีพ..



ก่อนสิ้นใจ พระราชาจะบอกให้ฟาริสและเลนน่าสามัคคีกันเป็นพลังให้กัน ฝากบัทซ์ให้ดูแลทั้งคู่ด้วย.. จากนั้นเมืองลอยฟ้าจะระเบิด พวกเราจะรีบออกมา.. เมื่อถึงพื้นดิน ให้เอาเรือเหาะขึ้น พวกเราจะคุยกันว่ายังไงก็ต้องไปช่วยกาลัฟ เราจะไม่ทิ้งเค้า.. ให้กลับมาปรึกษากับซิดและมิดที่ฐานทัพใต้ทะเลอีกครั้ง..
เมื่อไปถึงบริเวณห้องพักในฐานทัพใต้ทะเล.. เราจะได้เห็นเศษกระดาษที่เป็นโน้ตทิ้งไว้ที่ห้องด้านขวาของห้องพัก เมื่อไปอ่าน จะได้รู้ว่ามิดและซิดเอาแร่อดามันไทด์ไปคืนที่อุกกาบาตลูกแรกนั่นเอง เพราะมันเป็นแร่อันตราย.. พักผ่อนเสร็จแล้วรีบตามไปทันที.. เมื่อถึงอุกกาบาต(ใกล้เมืองไทคูน) ก็เข้าไปคุยกับซิดและมิดด้านใน.. เราจะคุยกันถึงเรื่องพลังของอุกกาบาต ว่ามีน้อย ลำพังลูกเดียวไม่สามารถวาร์ปไปหากาลัฟได้แน่ แต่ถ้าสี่ลูกรวมกัน อาจได้ลุ้น.. สรุปได้ดังนั้น ก็ให้เราไปตามซิดและมิดให้ครบทั้ง 4 จุด..
จุดแรกที่ไทคูนเรียบร้อยแล้วก็ให้ไปจุดที่สองที่ใกล้หอคอยวอลสุ(ทางทิศเหนือของไทคูน).. จุดที่สองนี้(ให้เซฟก่อนจะเข้าไป) ตอนจะออกจากอุกกาบาต เราจะถูกโจมตีโดยฝูงมอนสเตอร์ไฟ “” ฝูงใหญ่.. ท่าโจมตีที่น่ากลัวที่สุดคือท่าระเบิดตัวเอง ทำเราตายได้ในครั้งเดียว แถมพวกมันยังสามารถชุบชีวิตให้กันและกันได้อีกด้วย.. วางแผนให้ดี ว่าจะสู้กับมันอย่างไร.. ***ถ้าให้แนะนำก็ เวทย์ดำ1คนเวทย์ขาว1คนเวทย์น้ำเงิน1คนครับ.. เวทย์ดำยิงเวทย์น้ำแข็งยกกลุ่ม, เวทย์ขาวฮีลยกกลุ่ม, เวทย์น้ำเงินยิงเวทย์ฟองน้ำ, วนไป.. ซักพักก็เรียบร้อยครับ.. มัวต่อยทีละตัว โดนมันระเบิดตัวเองซะก่อน..
จัดการเรียบร้อยให้ไปจุดที่สาม อุกกาบาตที่ตกใกล้เมืองคาร์นัก(ทางทิศตะวันตกจากวอลสุ).. ลูกที่สามนี้ ซิดและมิดจะวิ่งออกมาแล้วให้เราไปลุยแทน.. เข้าไปจะพบกับอสูรยักษ์ “ไททัน”.. จัดการให้ได้ แล้วเราจะได้ไททันมาครอบครอง.. เรียบร้อยแล้วไปจุดที่สี่ อุกกาบาตที่ตกใกล้ซากเมืองลอยฟ้า(ทางทิศใต้จากคาร์นัก).. จุดที่สี่นี้ ซิดและมิดจะหายเข้าไปนานมากจนเราเป็นห่วง.. ให้เราตามเข้าไป จะพบพวกเค้าสองคนถูกพลังงานบางอย่างตรึงเอาไว้ เมื่อเข้าไปใกล้ พลังงานนั้นจะเข้ามาโจมตีเราแทน.. เราจะได้บวกกับบอส “” หน้าตาคล้ายคิเมร่าย้อมสีฟ้ามา.. เอาเรื่องทีเดียว ตบให้ลง…..
เมื่อได้พลังจากอุกกาบาตทั้งสี่ครบแล้ว.. ซิดและมิดจะให้เราดูที่แผนที่.. เราจะเห็นพลังงานของทั้งสี่อุกกาบาตพุ่งมาตัดกันที่บริเวณเกาะทางขวาล่างของเมือง “Tule” นั่นเอง.. มิดบอกว่า นั่นแหละคือ “จุดวาร์ป” เพื่อไปหากาลัฟได้.. ไม่รอช้า มุ่งหน้าไปทันที…..
พักผ่อน ซื้อของ ให้พร้อม.. เสร็จแล้วกระโดดเข้าจุดวาร์ป.. เราทุกคนจะพูดกันถึงความเสี่ยงที่อาจจะไม่ได้กลับมาอีก เราทุกคนจะบอกลาสิ่งรักของเราที่โลกนี้ เช่นพระเอกบอกให้โบโกะดูแลตัวเอง.. เมื่อกระโดดลงไป เราจะวาร์ปพุ่งทะลุขึ้นฟ้าไปเลย….. ซูมมม!! วิ้งง!!..
โลกที่ 2 บ้านเกิดของกาลัฟ
เราจะโผล่มาจุติยังเกาะง่อยๆเกาะหนึ่ง.. ไม่สามารถไปไหนได้ มอนส์บนเกาะฆ่าไปแล้วก็จะได้แต่ “เต๊นท์” กลับมา.. อย่ากระนั้นเลย ก็กางเต๊นท์นอนมันซะเลย..
ตกกลางคืน ในขณะที่เรากำลังนอนรอบกองไฟกันนั้นเอง.. จะมีมอนสเตอร์มาลักพาตัวเลนน่ากับฟารีส.. เราจะไม่ยอม เข้าบวกทันที.. เมื่อเอาชนะได้ มันจะดร็อปหีบสบัติไว้กล่องหนึ่ง เมื่อเราเปิดออกจะเป็นแก๊สยาสลบ ดมไปให้เต็มปอด.. เราจะมาฟื้นอีกทีในห้องขังภายในปราสาทของเจ้าเอ็กซ์เดธนั่นเอง..
เมื่อเราฟื้น เจ้าเอ็กซ์เดธก็จะเดินมาปากดีใส่ทันที.. มาพร้อมกับเจ้าลูกน้องคู่ใจ “กิกาเมซ”.. ในขณะนั้นเอง กองทัพของกาลัฟก็กำลังจะบุกเข้าโจมตีปราสาทของเจ้าเอ็กซ์เดธพอดี มันจึงได้ใช้จังหวะนั้นถ่ายทอดสดว่ามีตัวประกันเป็นพวกเราอยู่ ถ้าบุกเข้ามาตัวประกันตาย.. กาลัฟจึงได้ใช้วิธีแอบขี่มังกรมาลอบลงข้างปราสาทแล้วลอบเร้นเข้ามาช่วยเรา.. กาลัฟจะได้ปะทะกับเจ้ากิกาเมซ เมื่อเอาชนะได้ก็จะสามารถช่วยเราออกมาจากห้องขังได้.. ทีนี้เราก็จะสามารถออกมาแร่ดนอกปราสาทได้แล้ว.. ตบมอนส์ให้เพลินเลยเชียว…..
พอใจแล้วเดินมาที่สะพานทางทิศตะวันตก.. เราจะได้สู้กับเจ้ากิลกาเมซอีกครั้ง.. เมื่อเอาชนะมันได้ เจ้าเอ็กซ์เดธจะเปิดบาเรียของปราสาท แรงกระแทกมหาศาลจากบาเรียจะผลักเราให้กระเด็นไปโผล่อีกที่หนึ่ง…..
เดินมาทางทิศตะวันออกไม่ไกล จะได้พบกับหมู่บ้าน “เรโกล”.. คุยกับชาวบ้าน ซื้ออาวุธและเวทย์ ปิดท้ายด้วยการนอนในโรงแรม.. ในตอนกลางคืนจะเกิดเหตุการณ์นิดหน่อย.. กาลัฟจะนอนไม่หลับแล้วเดินมากินเบียร์ที่ผับ บัซเองก็นอนไม่หลับเช่นกัน จึงเดินตามไปกินเบียร์ด้วย.. บัซขอโทษกาลัฟที่เป็นตัวการให้กองทัพของกาลัฟต้องหยุดชะงัก.. ส่วนกาลัฟกลับบอกว่าเค้าต่างหากต้องขอบคุณ เพราะถ้าบัซไม่มา บางทีทหารขอบเค้าอาจต้องบาดเจ็บหรือตายทั้งหมดเพราะแรงกระแทกของบาเรีย..
รุ่งเช้าให้เราออกเดินทางต่อลงไปทางใต้ เดินผ่านปราสาทคูซ่าไปก่อน ยังเข้าไปเอาของไม่ได้ มอนส์โหดจัดๆ.. เลยปราสาทไปแล้วเลี้ยวมาทางทิศตะวันออก ขึ้นเหนือนิดหน่อย จะได้พบกับทางเข้าไปยังป่าเล็กๆป่าหนึ่ง.. เมื่อเข้าไป เราจะได้พบกับเจ้า “มุกเกิ้ล” กำลังทำอะไรกับต้นไม้อยู่.. เข้าไปคุยด้วย มันจะตกใจ และวิ่งหนีตกหลุมไปในถ้ำ.. ให้เราตามไป..
เมื่อเราตกลงไปในถ้ำ ทุกๆครั้งที่เราลงน้ำ เราจะถูกกระแสน้ำพัดไปเรื่อยๆ(ทุกครั้งที่ขึ้นบกให้เติมพลังด้วย เดี๋ยวจะแย่).. ไปเรื่อยๆ มีสมบัติให้เก็บด้วย.. ไปจนสุดทาง เราจะได้เจอเจ้ามุกเกิ้ลกำลังจะมีเรื่องกับเจ้าโครงกระดูกไดโนเสาร์ไทแรนนอซอรัส.. เมื่อเข้าไปเคลียร์ เจ้ากระดูกจะโจมตีเรา.. จัดการให้อยู่หมัด..
เมื่อเอาชนะได้ มุกเกิ้ลจะขอบคุณและวิ่งหนีออกจากถ้ำกลับไปบ้านตัวเอง.. ให้เราจ้องให้ดี จำจุดที่เค้าหายเข้าไปให้ดี แล้วตามไป.. เมื่อเข้าไปในป่าจุดนั้น เราจะได้พบรังของแก๊งค์มุกเกิ้ล.. พวกเค้าจะตกใจและจ้าล่ะหวั่นกันไปหมด.. ให้เราไปคุยกับตัวด้านขวาสุดของหมู่บ้าน.. เค้าจะเป็นตัวที่เราช่วยเค้าจะให้เราเข้าไปเอาของในกล่องสมบัติทั้งหมด.. คุยให้ทั่ว.. แล้วมุกเกิ้ลจะส่งโทรจิตไปหาเพื่อนที่อยู่ที่ปราสาท “บาล” ซึ่งเป็นที่อยู่ของหลานสาวกาลัฟนั่นเอง.. หลานสาวจะแว๊นซ์มังกรลมมารับถึงในป่าเลยทีเดียว.. เราทั้งหมดจะได้กลับไปยังปราสาท “บาล” บ้านของกาลัฟโดยสวัสดิภาพ…..
เมื่อมาถึงยังปราสาท “บาล” หลานสาวของกาลัฟ “คูรูรู” จะขอแยกตัวพามังกรลมไปพักผ่อนเพราะมันยังไม่ค่อยสบายนัก.. ส่วนกาลัฟจะเข้ามาถามถึงเรื่องสงครามกับเอ็กซ์เดธกับทหาร.. ซึ่งเราทุกคนจะได้รับรู้ตอนนั้นเองว่า กาลัฟคือ “พระราชา” ของอาณาจักรบาลนี่เอง.. ซึ่งบัสเองก็อึ้งมาก(เหมือนผู้เขียน).. ถึงกับเอ่ยปากออกมาว่า “ข้านึกว่าท่านเป็นแค่ตาแก่บ้าบอซะอีก.. ไม่เห็นเคยบอกเรื่องนี้..” ซึ่งฮามากๆ.. มีการขอทำใจซักครู่ด้วย(ซึ่งก็เหมือนผู้เขียนอีกเหมือนกัน).. แต่กาลัฟเองก็ไม่ได้ถือตัวแต่อย่างใด เค้ามองทุกคนเป็น “เพื่อน” และให้เรียกแค่ชื่อเหมือนเดิม ไม่ต้องเรียกยศอะไร.. น่ารักนะ.. 🙂
จากนั้นเราจะสามารถเดินสำรวจได้ทั่วปราสาท.. แอ่งน้ำซ้ายล่างมีทางลับทะลุออกไปที่คูน้ำรอบวังได้.. เดินอ้อมไปจนสุดคูน้ำ จะมีไอเท็ม “ดาบยักษ์” ซ่อนอยู่.. ห้ามพลาดเด็ดขาด.. จะมีห้องใต้ดิน ที่มีประตูที่ถูกล็อคเอาไว้บานใหญ่อยู่.. บริเวณหน้าประตูสามารถเดินเก็บเวลได้.. ระวังไว้นิด เพราะมอนส์โหดเอาเรื่อง แต่พวกมันแพ้สายฟ้านะ.. สำรวจให้ทั่วๆปราสาท จะได้ไม่พลาดของดี….. สำรวจทั่วปราสาทดีแล้วก็ให้เดินไปคุยกับคูรูรูบนดาดฟ้าปราสาท.. คูรูรูจะบอกว่ามังกรลมของเธอกำลังจะตาย เราทุกคนจะสรุปกันว่าจะช่วยมันโดยการไปเอาหญ้ามังกรที่หุบเขาทางทิศเหนือของปราสาท.. พักผ่อนซื้อของให้พร้อมแล้วไปคุยกับทหารที่ประตูหน้าปราสาทได้เลย.. กาลัฟจะบอกว่าเมื่อพวกเราออกไปแล้วให้ล็อคประตูเมืองได้เลย.. เราจะเข้าเมืองไม่ได้แล้ว..
เดินทางขึ้นมาทางเหนือไม่ไกลจะได้พบกับเมือง “เคล็บ” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเมืองร้างมีแต่ฝูงแกะเดินไปมา.. แต่เมื่อเราเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ตรงกลาง(ที่ไม่ได้ล็อค) ตอนขาออก จะมีเสียงคนตะโกนใส่เรา.. เค้าคือ “เคลเกอร์” หนึ่งในนักรบแห่งแสงทั้งสี่ที่เคยผนึกเอ็กซ์เดธไว้นั่นเอง.. เค้าจะท้าบัทซ์สู้เพื่อวัดฝีมือ ซึ่งบัทซ์ก็รับคำท้าทันที.. เค้าจะใช้ท่าไม้ตายใส่บัทซ์แต่บัทซ์จะสามารถแก้ได้อย่างง่ายดายและสวนกลับจนเคลเกอร์กระเด็นทะลุประตู.. กาลัฟจะรีบเข้าไปช่วย.. เราทุกคนจะคุยกัน บัทซ์จะขอโทษเคลเกอร์ที่หนักมือไปหน่อย.. เค้าจะถามชื่อพ่อของบัทซ์ และทุกคนจะได้รู้พร้อมๆกันว่าบัทซ์คือลูกชายของ “ดอร์แกน คลอเซอร์” หนึ่งในนักรบแห่งแสงจากโลกนี้ที่ไปอาศัยอยู่ที่โลกเรานั่นเอง..
จากนี้เคลเกอร์จะให้เราผ่านเมืองได้ละ.. ชาวเมืองจะออกมาใช้ชีวิตปกติ สามารถซื้อของนอนพักได้แล้ว.. คนที่นั่งอยู่ในโรงแรม ถ้าเราไปคุยด้วย เค้าจะเลี้ยงอาหารเรา HP/MP เต็ม สถานะผิดปกติหาย.. ให้ยาดีมาด้วย.. เตรียมตัวพร้อมแล้วก็เดินทะลุหลังเมืองลุยต่อได้เลยครับ..
(ยังไม่จบนะครับ.. ลงต่อเรื่อยๆครับ..)
บทสรุปดั้งเดิมจาก Gamemag Special Vol.6




แผนที่ Final Fantasy 5



เมื่อไหร่จะมีต่อครับรออยู่ครับ
ขอโทษทีคร้าบบ.. พอดีโทรศัพท์เครื่องที่ลงเกม FF5 ของแอดมินพังน่ะครับ.. ภาพและข้อมูลเกมอยู่ในนั้นหมดเลย.. กำลังเล่นใหม่ไล่ถึงแล้วครับ แต่ภาพประกอบคงต้องเปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่น HD Remake แทนแบบต้นฉบับนิดนึงนะครับ.. ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยครับผ้ม..